วันเสาร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

เรียนอย่างไรให้ได้ A

1. เข้าเรียนทุกครั้ง การเข้าเรียนทุกครั้งจะทำให้เราสามารถติดตามบทเรียนได้ครบถ้วน ได้ฟัง ได้คิด ได้ยิน ได้จด ถึงแม้จะเข้าใจบ้างหรือไม่เข้าใจบ้าง ก็ยังมีบางสิ่งบางอย่างเข้าไปเก็บไว้ในส่วนของความทรงจำได้
2. เรียนอย่างเข้าใจ ในระหว่างการเรียนขอให้เรียนให้เข้าใจ หากไม่เข้าใจให้ถามครูอาจารย์ที่สอน หากไม่เข้าใจอีกอาจต้องศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม อ่านหนังสือประกอบ ในเรื่องนั้นๆ และบางครั้งการเรียน การติวไปพร้อมกับเพื่อนๆ หรือการเรียนเป็นกลุ่มกับเพื่อน จะก่อให้เกิดความเข้าใจมากขึ้นได้
3. ทำงานอย่างน้อยเท่าที่อาจารย์สั่ง เมื่ออาจารย์หรือครูผู้สอนสั่งให้ทำงานหรือมอบหมายการบ้านให้ทำ นั้นแหละคือ การมอบหมายให้เราฝึกฝนเพื่อเตรียมที่จะสอบในวิชานั้นๆ เพราะฉะนั้น ต้องทำงานหรือการบ้านที่อาจารย์สั่งอย่าขาดตกบกพร่อง อย่างน้อยก็เท่าที่ครูหรืออาจารย์สั่ง ถ้าทำได้มากกว่ายิ่งดี เช่น ครูให้ทำแบบฝึกหัด 3 ข้อ แต่เราฝึกทำเพิ่มเองอีก 2 ข้อก็ได้
4. อ่านทบทวนเสมอ เมื่อมีเวลาว่างหมั่นอ่านทบทวนหนังสือ หรือบันทึกที่เราจดไว้เสมอ ระหว่างการอ่านไม่ควรดูโทรทัศน์หรือดูละครควบคู่ไปเพราะจะทำให้เสียสมาธิ แต่อาจจะฟังเพลงเบาๆ ได้ หลังจากอ่านทบทวนจบในแต่ละเรื่องควรปิดหนังสือ แล้วลองเขียนทบทวนสิ่งที่เราจำได้ลงในกระดาษ
5. ก่อนสอบอ่านหนังสือทบทวนทั้งหมดอย่างน้อย 3 รอบ การอ่านทบทวนนี้สามารถอ่านแบบผ่านได้ ที่ต้องให้ครบอย่างน้อย 3 รอบ เพราะจะทำให้เกิดภาพและความทรงจำในสมอง แต่ถ้าให้ดี อ่านทบทวนครบ 5 รอบจะมีประสิทธิภาพดีที่สุด

ในสูตรการเรียนอย่างไรให้ได้ A ทั้ง 5 ประการนี้ อาจารย์บอกว่าบุตรของตนเองและนักศึกษาที่เป็นลูกศิษย์หลายคนได้นำไปใช้แล้วได้ผลจริง แม้ว่าบางวิชาจะไม่ได้ A อาจจะเป็น B หรือ B+ ไปบ้างก็ตาม แต่ผลการเรียนเฉลี่ยก็จะอยู่ในเกณฑ์ที่ดี
ใครที่อ่านแล้ว ดูน่าจะเป็นวิธีง่ายๆ แต่พอนำไปปฏิบัติจริงคงจะไม่ง่ายเท่าใดนัก หากไม่ควบคุมตัวเองให้ดี ลองทำดูนะครับ

วันศุกร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

อันดับมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดของไทย (ปีล่าสุด)

ประเภทรวมทุกด้าน (Overall Multi-disciplinary) มีมหาวิทยาลัยไทยผ่านเกณฑ์ 32 มหาวิทยาลัย (จากที่เปิดกันดาษดื่นกว่าร้อยมหาลัย) ยังดีที่มหาวิทยาลัยปิดของรัฐของเราผ่านเกณฑ์ทุกที่ มีคะแนนเรียงตามลำดับดังนี้

1. Chulalongkorn University 67.82
2. Mahidol University 67.47
3. Thammasat University 65.93
4. Chiang Mai University 65.81
5. Kasetsart University (all campus) 64.59
6. Prince of Songkla University 64.20
7. King Mongkut Institute of Technology Lad Krabang 63.14
8. Khon Khaen University 62.68
9. Srinakarinwiroj University 61.76
10. King Mongkut University of Technology Thonburi 60.86
11. Assumption University 59.73
12. Silpakorn University 58.05
13. King Mongkut Institute of Technology North Bangkok 57.67
14. Mahidol International College 57.38
15. Naresuan University 57.23
16. National Institute of Development and Administration : NIDA 56.80
17. Suranaree University of Technology 56.46
18. Bangkok University (International College) 55.82
19. Rajamangaka Institute of Technology (Only Main Campus and Campus in Bangkok) 55.19
20. University of the Thai Chamber of Commerce (Only Business Fields) 54.81
21. Mahanakorn University of Technology 54.70
22. Rangsit University 54.27
23. Burapha University 54.14
24. Walailak University 54.08
25. Bangkok University 53.41
26. Mahadsarakham University 53.12
27. Dhurakitbandhid University 53.00
28. Ubon rajathanee University 52.45
29. Maejo University 51.51
30. Sripathum University 51.33
31. Maefaluang University 51.28
32. Thaksin University 51.15



ใครอยู่มหาลัยไหนโพสบอกกะดั๊ยนะ

วันอังคารที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554


10 อันดับรถที่แพงที่สุดในโลกในตอนนี้ : อันดับ1 Bugatti Veyron $1,700,000
อันดับ1 Bugatti Veyron $1,700,000
10 อันดับรถที่แพงที่สุดในโลกในตอนนี้ : อันดับ2 Lamborghini Reventon $1,600,000
อันดับ2 Lamborghini Reventon $1,600,000
10 อันดับรถที่แพงที่สุดในโลกในตอนนี้ : อันดับ3 McLaren F1 $970,000
อันดับ3 McLaren F1 $970,000
10 อันดับรถที่แพงที่สุดในโลกในตอนนี้ : อันดับ4 Ferrari Enzo $670,000
อันดับ4 Ferrari Enzo $670,000
10 อันดับรถที่แพงที่สุดในโลกในตอนนี้ : อันดับ5 Pagani Zonda C12 F $667,321
อันดับ5 Pagani Zonda C12 F $667,321
10 อันดับรถที่แพงที่สุดในโลกในตอนนี้ : อันดับ6 2009 SSC Ultimate Aero $654,000
อันดับ6 2009 SSC Ultimate Aero $654,000
10 อันดับรถที่แพงที่สุดในโลกในตอนนี้ : อันดับ7 Saleen S7 Twin Turbo $555,000
อันดับ7 Saleen S7 Twin Turbo $555,000
10 อันดับรถที่แพงที่สุดในโลกในตอนนี้ : อันดับ8 Koenigsegg CCX $545,568
อันดับ8 Koenigsegg CCX $545,568
10 อันดับรถที่แพงที่สุดในโลกในตอนนี้ : อันดับ9 Mercedes Benz SLR Mclaren $495,000
อันดับ9 Mercedes Benz SLR Mclaren $495,000
10 อันดับรถที่แพงที่สุดในโลกในตอนนี้ : อันดับ10 Porsche Carrera GT $440,000
อันดับ10 Porsche Carrera GT $440,000



10 อันดับแรกของบุคคลที่รวยที่สุดในโลก
1. คาร์ลอส  สลิม เฮลู (Carlos Slim Helu Aglamaz)
mogul
     เจ้าของบริษัทโทรคมนาคม ชาวเม็กซิโก และยังมีมีธุรกิจอื่นๆอีกมากมายกว่า 200 บริษัท เขามองเห็นโอกาสจากวิกฤติการเศรษฐกิจ โดยได้ซื้อบริษัทที่ผลประกอบการไม่ดี ในราคาถูก แล้วบริหารจนรุ่งเรือง
     ส่วนปัจจัยความร่ำรวยจริงๆ คือ การทำธุรกิจผูกขาด เขาเป็นเจ้าของธุรกิจร้านอาหาร  บุหรี่  ก่อสร้าง โทรคมนาคม เหมืองแร่ โรงงานผลิตจักรยาน โรงงานผลิตน้ำอัดลม สายการบิน โรงแรม บริการรถไฟ กิจการโรงพิมพ์ ไปจนถึงกิจการธนาคาร
     ธุรกิจหลักของคาร์ลอส สลิม คือธุรกิจด้านการสื่อสาร บริษัทให้บริการโทรศัพท์พื้นฐาน “เทเลโฟนอส เดอ เม็กซิโก” หรือ “เทลเม็กซ์” ที่ซื้อมาจากรัฐบาลเม็กซิโกเมื่อปี 1990
2. บิล เกต (ฺBill Gate)
billgate
     ผู้ก่อตั้งบริษัท ไมโครซอฟท์ เจ้าของระบบปฏิบัติการวินโดว์ เศรษฐีตลอดกาลของโลก ปีนี้ร่วงจากอันดับ 1 ลงมาอยู่ที่อันดับ 2  บิล เกต ถือเป็นอภิมหาเศรษฐีใจบุญคนหนึ่ง ซึ่งมักจะบริจาคเงินช่วยเหลือผู้ด้วยโอกาสอยู่เสมอๆ ผ่านทางมูลนิธิ บิลเกต
3.วอร์เรน บัฟเฟต (Warren Buffett)bufflet
     ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ บริษัทลงทุน เบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์ เกิดเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม ค.ศ. 1930 เคยถูกจัดอันดับให้เป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2008
     วอร์เรน บัฟเฟต ถือเป็นโคตรอภิมหาเศรษฐีใจดี ที่เป็นเพื่อนสนิทกับบิล เกต โดยบริจาคเงินมหาศาลให้กับมูลนิธิของบิล เกต  ,วอร์เรน บัฟเฟต มีการเตรียมการที่จะบริจาคเงินเข้ามูลนิธิต่างๆมากถึง 85% ของทรัพย์สินที่มีอยู่
4. Mukesh Ambani
4.ambani
     ชาวอินเดียผู้นี้มีทรัพย์สิน 29 พันล้านเหรียญสหรัฐ เขาเป็นประธาน และผู้ถือหุ้นใหญ่ของกลุ่มบริษัท Reliance Industries โดยมีหุ้นถึง 48% แม้ว่า Reliance Industries จะเป็นบริษัทที่พ่อกับแม่เขาก่อตั้งขึ้นมา แต่การที่เขาร่ำรวยก็ไม่ได้มาจากการสืบทอดมรดก แต่มาจากความสามารถในการบริหารอย่างแท้จริง
     กิจการของกลุ่มบริษัท Reliance Industries ประกอบด้วยอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและโรงกลั่นน้ำมัน เครือข่ายร้านค้าปลีกในชื่อของ Reliance Fresh กิจการโทรคมนาคม เขตการค้าและอุตสาหกรรมและพลังงาน
5. Mogul Lakshmi Mittal5.mittal
     อภิมหาเศรษฐี ชาวอินเดีย อีกท่านหนึ่ง เป็นเจ้าของ Mittal กิจการเหล็กกล้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีทรัพย์สิน 28.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ
6. lawrence elison
6.elison
     ลอเรนซ์ อีลิสัน หรือที่มักเรียกกันว่า ลาร์รี่ อีลิสัน เป็นผู้ก่อตั้งบริษัทซอฟ์แวร์ ออราเคิล มีทรัพย์สินสุทธิ   28 พันล้านเหรียญสหรัฐ
7. Bernard Arnault
7.bernard
     นักธุรกิจชาวฝรั่งเศษ ผู้ก่อตั้งและประธาน บริษัท LVMH ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทสินค้าหรูหรา ที่มีตราสินค้ามากกว่า 50 เช่น Louis Vuitton, Dior, and Fendi
มีทรัพย์สิน 27.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ
8. Eike Batista
8.batista
    นักธุรกิจชาวบราซิล โดยมีธุรกิจหลัก คือ กิจการเหมือง มีทรัพย์สินสุทธิ 27 พันล้านเหรียญสหรัฐ
9. Amancio Ortega9.0rtega
     ชาวสเปน ผู้ก่อตั้ง Inditex Group มีทรัพย์สิน 25 พันล้านเหรียญสหรัฐ
10. Karl Albrecht
10.karl
     ชาวเยอรมันผู้ก่อตั้งซูเปอร์ มาร์เก็ต ALDI มีทรัพย์สิน 23.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ
     แล้วท่านผู้อ่านละครับ รวยอยู่อันดับที่เท่าไรของ "หมู่บ้าน" ครับ


10 อันดับเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลก

มาดูผลการจัดอันดับเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลก Top 10 ลุ้นว่าเมืองไทยจะติดกับเค้าไหม แต่คงไม่น่าจะติดหรอก เพราะ เมืองที่น่าอยู่คงไม่ใช่เมืองที่ประชากรทะเลาะกันทั้งประเทศแบบนี้แน่ๆ  เอาล่ะ ผลการจัดอันดับนี้ได้รับรองผลจากสถาบัน Mercer สถาบันที่ปรึกษาการบริหารที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศรายชื่อ10อันดับเมืองน่าอยู่อาศัยที่สุดในโลก จากผลการสำรวจคุณภาพชีวิต ประจำปี 2009 ของ Mercer ที่ครอบคลุม 215 เมืองทั่วโลก

อันดับ 10 “เมืองซิดนีย์”(Sydney) ประเทศออสเตรเลีย

เมืองซิดนีย์ (Sydney) ประเทศออสเตรเลีย
ซิดนีย์ (Sydney) ประเทศออสเตรเลีย
ซิดนีย์ เป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่สุดในประเทศออสเตรเลีย มีประชากรราว 4.5 ล้านคน มีท่าเรือและชายหาดบอนได (Bondi Beach)ที่สวยงาม มีโรงโอเปร่า(Opera House)ที่มีชื่อเสียง เป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่สุดของเมือง การออกแบบโครงสร้างของตัวโรงละคร ได้กลายเป็นหนึ่งในสถาปัตยกรรมที่โด่งดังของศตวรรษที่ 20 มีเพียง 2 ฤดูกาลที่เมืองซิดนีย์ ได้แก่ฤดูร้อน และฤดูหนาว แต่โดยปกติบรรยากาศจะเป็นแบบสบาย ๆ อุณหภูมิเฉลี่ย25 เซลเซียส นอกจากจะเป็นเมืองน่าอยู่อันดับ 10 ของโลกแล้ว Mercer ยังระบุว่า ซิดนีย์เป็นเมืองที่มีค่าครองชีพสูงเป็นอันดับ 15 ของโลกอีกด้วย

อันดับ 9 “เมืองเบอร์น”(BERN) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

เมืองเบอร์น (BERN) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
เมืองเบอร์น (BERN) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
เป็นเมืองหลวงของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ใจกลางเมืองนี้ยังคงเอกลักษณ์ของการเป็นเมืองเก่าแก่และเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมในยุคกลาง จึงได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมจากองค์การยูเนสโก ที่สำคัญ เมืองเบอร์น ยังเป็นสถานที่ซึ่ง อัลเบิร์ต ไอน์ไตน์ เคยเข้ามาอาศัยและทำงานราวปี ค.ศ. 1903(พ.ศ. 2446) ปัจจุบัน บ้านของเขาซึ่งตั้งอยู่ เลขที่ 49 ถนนแครมกาซเซ่ (Kramgasse) ได้กลายเป็น พิพิธภัณฑ์บ้านไอน์ไตน์ ที่มีนักท่องเที่ยวทั่วโลกแวะมาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมาก

อันดับ 8 “เมืองแฟรงค์เฟิร์ต”(Frankfurt) ประเทศเยอรมนี

เมืองแฟรงค์เฟิร์ต (Frankfurt) ประเทศเยอรมนี
เมืองแฟรงค์เฟิร์ต (Frankfurt) ประเทศเยอรมนี
เป็นศูนย์กลางทางการเงินที่ใหญ่สุดในกลุ่มสหภาพยุโรป ทั้งยังเป็นที่ตั้งของธนาคารกลางยุโรป ตลาดหลักทรัพย์แฟรงค์เฟิร์ต และ German Federal Bank นอกจากความมั่งคั่งทางการเงินแล้ว เมืองนี้ยังมีเอกลักษณ์อันโดดเด่นอยู่ที่วิหารแบบโกธิค สมัยศตวรรษที่ 14 ขณะเดียวกันก็มีตึกระฟ้ารูปทรงทันสมัยและสวยงามตั้งตระหง่านบริเวณใจกลางเมืองอีกด้วย

อันดับ 7 “เมืองมิวนิค”(Munich) ประเทศเยอรมนี

เมืองมิวนิค (Munich) ประเทศเยอรมนี
เมืองมิวนิค (Munich) ประเทศเยอรมนี
เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศเยอรมนี และเป็นเมืองหลวงของรัฐบาวาเรีย มีประชากรราว 1.36 ล้านคน แม้จะเป็นเมืองที่เจริญและมั่งคั่งที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป แต่เมืองนี้ยังคงอนุรักษ์โบราณสถานและสถาปัตยกรรมอันเก่าแก่แบบโกธิคเอาไว้ ได้เป็นอย่างดี

อันดับ 6 “เมืองดึสเซลดอร์ฟ” (Dussselddorf) ประเทศเยอรมนี

เมืองดึสเซลดอร์ฟ (Dussselddorf) ประเทศเยอรมนี
เมืองดึสเซลดอร์ฟ (Dussselddorf) ประเทศเยอรมนี
เป็นเมืองหลวงของรัฐนอร์ดไรน์-เวสท์ฟาเลิน ตั้งอยู่บนแม่น้ำไรน์ ได้ชื่อว่าเป็นเมืองศูนย์กลางทางด้านแฟชั่น โฆษณา และโทรคมนาคมของประเทศเยอรมนี นอกจากนี้ ทุกๆ ปี จะมีนักท่องเที่ยวกว่า 4.5 ล้านคนทั่วโลก เดินทางมาชมขบวนพาเหรดสุดอลังการ ในช่วงเทศกาลคาร์นิวาลของเมืองดึสเซลดอร์ฟ

อันดับ 4 ร่วม (คะแนนเท่ากัน 2 เมือง จึงไม่มีอันดับห้า) “เมืองอ๊อคแลนด์”(Auckland) ประเทศนิวซีแลนด์

เมืองอ๊อคแลนด์ (Auckland) ประเทศนิวซีแลนด์
เมืองอ๊อคแลนด์ (Auckland) ประเทศนิวซีแลนด์
อ๊อคแลนด์ ตั้งอยู่ทางเกาะเหนือ เป็นเมืองใหญ่ที่สุดและมีประชากรมากที่สุดในประเทศนิวซีแลนด์ ได้รับการขนานนามว่าเป็น “City of Sails” เนื่องจากมีท่าเทียบเรือที่สวยงามถึง 2 แห่ง คือ ท่าเรือ Waitemata ทางด้านทิศเหนือ และท่าเรือ Manukau ทางด้านทิศใต้ ในภาษาเมารีอ็อคแลนด์มีชื่อว่า Tamaki-Makau-Rau แปลว่า หญิงสาวที่มีผู้มาขอความรักถึง 100 คน อ็อคแลนด์ได้สมญานามนี้มาจาก การที่เป็นภูมิภาคที่ชนเผ่าต่างๆ ต้องการครอบครอง บรรยากาศที่ผสมผสานกันของอ่าว หมู่เกาะ วัฒนธรรมโพลีนีเชี่ยนและความเป็นเมืองที่ทันสมัยก็ทำให้อ็อคแลนด์ติดอันดับเมืองน่าอยู่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

อันดับ 4 ร่วม “เมืองแวนคูเวอร์”(Vancouver) ประเทศแคนาดา

เมืองแวนคูเวอร์ (Vancouver) ประเทศแคนาดา
เมืองแวนคูเวอร์ (Vancouver) ประเทศแคนาดา
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา “แวนคูเวอร์” มักได้รับการยกย่องว่าเป็นเมืองที่สะอาด และน่าอยู่ที่สุดในโลก เมืองดังกล่าวถือเป็นเมืองใหญ่ที่สุด และยังเป็นเมืองท่าชายฝั่งที่มีชื่อเสียงทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของรัฐบริติช โคลัมเบีย ประเทศแคนาดา ปัจจุบัน แวนคูเวอร์ เป็นศูนย์กลางด้านการช้อปปิ้ง และการถ่ายทำภาพยนตร์ ทั้งยังเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมมากเป็นอันดับต้นๆ ของโลก

อันดับ 3 “เมืองเจนีวา” (Geneva) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

เมืองเจนีวา (Geneva) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
เมืองเจนีวา (Geneva) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
เจนีวา เป็นเมืองที่มีประชากรมากเป็นอันดับสองของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (รองจากซูริค) โดยมีประชากรอาศัยอยู่ในเขตตัวเมืองราว 185,000 คน และยังเป็นศูนย์กลางด้านการเงินที่สำคัญเป็นอันดับ 6 ของโลก เจนีวา ได้รับการยกย่องว่าเป็นเมืองนานาชาติ เนื่องจากเป็นที่ตั้งขององค์กรระหว่างชาติสำคัญๆ หลายองค์กร อาทิ สำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติประจำทวีปยุโรป องค์การอนามัยโลก (WHO) องค์การการค้าโลก (WTO) เป็นต้น นอกจากนี้ เจนีวายังเป็นสถานที่จัดตั้งองค์กรสันนิบาตชาติ และกาชาดสากล ทั้งยังเป็นต้นกำเนิดของ www (World Wide Web) ตลอดจนเครื่องเร่งอนุภาคที่มีขนาดใหญ่และมีพลังงานสูงสุดในโลก หรือที่เรียกว่า Large Hadron Collider (LHC)

อันดับ 2 “เมืองซูริค” (Zurich)ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

เมืองซูริค (Zurich)ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
เมืองซูริค (Zurich)ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ซูริค เป็นหนึ่งในเมืองที่มีความมั่งคั่งที่สุดในยุโรป และมีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มีประชากรอาศัยอยู่ในตัวเมืองทั้งสิ้นราว 1.68 ล้านคน เมืองนี้เป็นศูนย์กลางทางด้านการค้าและวัฒนธรรมของประเทศ จนได้รับการขนานนามว่าเป็นเมืองหลวงแห่งวัฒนธรรมของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ นอก จากนี้ ซูริค ยังเป็นเมืองที่ได้รับการยกย่องว่ามีคุณภาพการดำเนินชีวิตดีที่สุดในโลกจาก ผลการสำรวจของหลายสำนัก นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 2006-2009

อันดับ 1 “เมืองเวียนนา” (Vienna) ประเทศออสเตรีย

เมืองเวียนนา (Vienna) ประเทศออสเตรีย
เมืองเวียนนา (Vienna) ประเทศออสเตรีย
ได้รับการคัดเลือกให้เป็นเมืองน่าอยู่ที่สุดในโลกประจำปี 2009 จากผลการสำรวจของ Mercer เมือง ดังกล่าวมีความเข้มแข็งและมั่นคงทั้งทางด้าน เศรษฐกิจ วัฒนธรรม และการเมือง เป็นเมืองที่ได้ชื่อว่า แสนโรแมนติกเมืองหนึ่งของโลก กรุงเวียนนา ยังได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งดนตรีคลาสสิก อมตะของโลก ซึ่งนักแต่งเพลงคลาสสิกไม่ว่าจะเป็น บีโธเฟ่น โมสาร์ท, ชูเบอร์ก, บราห์ม หรือ โยฮัน สเตราส์ ล้วนมาจากที่นี่
Share and Enjoy:

ประเทศที่รวยที่สุดในโลก 


วัดจากรายได้ต่อหัวประชากร (GDP per capita) 10 อันดับ คือ

10. หมู่เกาะแฟโร (Faroe Islands) - $48,200



หมู่เกาะแฟโร (Føroyar แปลว่า "เกาะแห่งแกะ) เป็นหมู่เกาะในทวีปยุโรป ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของมหาสมุทรแอตแลนติก ระหว่างสกอตแลนด์ นอร์เวย์ และไอซแลนด์ หมู่เกาะแฟโรเป็นเขตการปกครองตนเองขอเดนมาร์ก ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2491 มีอำนาจในการปกครองตนเองทุกด้าน ยกเว้นด้านการต่างประเทศ และการทหาร

9. บรูไน (Brunei) - $50,100



บรูไน (Brunei) หรือ รัฐบรูไนดารุสซาลาม (State of Brunei Darussalam) เป็นประเทศที่ตั้งอยู่บนเกาะบอร์เนียวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ชายฝั่งทางด้านเหนือจรดทะเลจีนใต้ พรมแดนทางบกที่เหลือจากนั้นถูกล้อมรอบด้วย รัฐซาราวัก ประเทศมาเลเซีย  บรูไนเป็นประเทศผู้ส่งออกน้ำมันเป็นสินค้าหลัก

8. สิงคโปร์ (Singapore) - $50,300



สิงคโปร์ (อังกฤษ: Singapore) หรือชื่อทางการคือ สาธารณรัฐสิงคโปร์ (อังกฤษ: Republic of Singapore) เป็นนครรัฐที่ตั้งอยู่บนเกาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ละติจูด 1°17'35" เหนือ ลองจิจูด 103°51'20" ตะวันออก ตั้งอยู่ทางใต้สุดของคาบสมุทรมาเลย์ อยู่ทางใต้ของรัฐยะโฮร์ของประเทศมาเลเซีย และอยู่ทางเหนือของหมู่เกาะเรียวของประเทศอินโดนีเซีย

7. คูเวต (Kuwait) - $54,100



รัฐคูเวต (State of Kuwait) เป็นรัฐเจ้าผู้ครองนคร (emirate) ที่มีขนาดเล็กและมีน้ำมันอยู่มาก ตั้งอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ ริมชายฝั่งอ่าวเปอร์เซีย มีพรมแดนทางใต้ติดกับประเทศซาอุดีอาระเบีย และพรมแดนทางเหนือติดกับประเทศอิรัก

6. เจอร์ซี่ย์ (Jersey) - $57,000



เมืองหลวง เซนต์ แฮลิเออร์ (St Heiler) เมืองใหญ่สุด เซนต์ แฮลิเออร์ 

5. นอร์เวย์ (Norway) - $58,600



ประเทศนอร์เวย์ มีชื่อทางการว่าราชอาณาจักรนอร์เวย์ (นอร์เวย์: Kongeriket Norge หรือ Kongeriket Noreg) เป็นประเทศในกลุ่มนอร์ดิก ตั้งอยู่ในยุโรปเหนือ ส่วนตะวันตกของคาบสมุทรสแกนดิเนเวีย มีอาณาเขตจรดประเทศสวีเดน ฟินแลนด์ และรัสเซีย และมีอาณาเขตทางทะเลจรดมหาสมุทรแอตแลนติก ใกล้กับประเทศเดนมาร์กและสหราชอาณาจักร นอร์เวย์เป็นประเทศที่มีชายฝั่งยาวและเป็นที่ตั้งของฟยอร์ดที่มีชื่อเสียง

4. เบอร์มิวด้า (Bermuda) - $69,900



เบอร์มิวดา เป็นดินแดนโพ้นทะเลของสหราชอาณาจักรในมหาสมุทรแอตแลนติก ตั้งอยู่นอกชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐอเมริกาห่างจากรัฐนอร์ทแคโรไลนาไปทางตะวันออก 580 ไมล์ เบอร์มิวดาเป็นดินแดนโพ้นทะเลที่เก่าแก่ที่สุดของสหราชอาณาจักร ที่ยังคงเหลืออยู่ โดยมีชาวอังกฤษมาตั้งรกรากก่อนการรวมตัวเป็นสหราชอาณาจักรถึงสองศตวรรษ โดยค้นพบครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2152 (ค.ศ. 1609)

3. ลักเซมเบิร์ก (Luxembourg) - $78,000



ลักเซมเบิร์ก (Grand Duchy of Luxembourg) เป็นประเทศขนาดเล็ก ที่ไม่มีทางออกทะล อยู่ในทางตะวันตกเฉียงเหนือ ของทวีปยุโรป มีพรมแดนด้านตะวันออกติดกับประเทศเยอรมนี ด้านใต้ติดกับฝรั่งเศส และด้านตะวันตกติดกับเบลเยียม มีเมืองหลวงชื่อลักเซมเบิร์ก

2. กาตาร์ (Qatar) - $121,700



ประเทศกาตาร์ หรือ รัฐกาตาร์ (State of Qatar) (อาหรับ: قطر) เป็นรัฐเจ้าผู้ครองนคร (emirate) ในตะวันออกกลาง ตั้งอยู่บนคาบสมุทรขนาดเล็กที่แตกมาจากคาบสมุทรอาหรับ ดังนั้นมันจึงเป็นประเทศมุสลิมในกลุ่มประเทศตะวันออกกลางเพียงประเทศเดียวที่มีสภาพเป็นเกาะ มีพรมแดนทางใต้ติดกับประเทศซาอุดีอาระเบีย และมีชายฝั่งริมอ่าวเปอร์เซีย

1. ลิกเตนสไตน์ (Liechtenstein) - $122,100



ลิกเตนสไตน์ (Liechtenstein) หรือชื่อทางการคือ ราชรัฐลิกเตนสไตน์ (Principality of Liechtenstein) (เยอรมัน: Fürstentum Liechtenstein) เป็นประเทศที่อยู่ในวงล้อมของประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล (Doubly Landlocked Country) มีพื้นที่ขนาดเล็ก อยู่ทางตะวันตกของทวีปยุโรป มีพรมแดนด้านตะวันตกติดกับประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และด้านตะวันออกติดกับออสเตรีย ภูมิประเทศเต็มไปด้วยภูเขาสูง เป็นที่นิยมของนักเล่นกีฬาฤดูหนาว และยังมีชื่อเสียงในฐานะเป็นประเทศที่เก็บภาษีต่ำมากประเทศหนึ่งด้ว